ท้องอย่างไรให้สนุกกับการแต่งตัว และปรับตัวได้มากขึ้น
เกือบจะถึงครึ่งทางแล้ว เมื่อนับได้สัปดาห์ 22 ชอบแอปพลิเคชั่น นมเอนฟามาก ที่มีพัฒนาการเตือนทุกวัน ว่าร่างกายจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร และควรกินอะไร ล่าสุดแจ้งเตือนมาว่า เด็กจะขยายขึ้นอย่างรวดเร็วจนขนาดมาแย่งปริมาตรปอด พออ่านปุ๊บก็รู้สึกว่าเหมือนจะหายใจไม่ออกทันที
ถ้านับตรง ๆ เอา 4 หาร มันจะกลายเป็นว่า ผู้เขียนท้อง 4 เดือนกว่า ซึ่งจริง ๆ มันไม่ใช่ เพราะเดี๋ยวนี้แพทย์สมัยใหม่นับอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ปฏิสนธิ และเด็กจะคลอดราว 38-40 สัปดาห์ ถ้าหาร 4 นี่นับเป็นท้อง 10 เดือน มันเลยไม่ใช่! ต้องลบออกสัก 3-4 สัปดาห์ก่อนเอาไปหาร 4
แต้บรรดาแม่ ๆ ส่วนใหญ่ที่ฝากท้องกับโรงพยาบาลเอกชน จะนับอายุครรภ์เป็นวันเลยก็มี (ผู้เขียนก็เป็นอีกหนึ่งคน) และต้องยอมรับว่าโรงพยาบาลรัฐบาลกับเอกชน คุณหมอจะมีเวลาให้คนไข้พูดคุยสอบถามได้ต่างกันอย่างชัดเจน คือการฝากทองมันก็ขึ้นกับความสบายใจของว่าที่คุณแม่ด้วย ถ้าไปหาแล้วอึดอัด ไม่ได้รับคำตอบที่สบายใจ ก็จะกังวล (ธรรมดาคนท้องก็ขี้กังวลอยู่แล้ว)
ความเปลี่ยนแปลงต่อมาที่เกิดขึ้นอีกก็เกี่ยวข้องกับการเลือกเสื้อผ้า ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเป็นไหม ที่กังวลว่าใส่ชุดแล้วจะไม่สวย ในขณะที่เสื้อผ้าคนท้องขายตามเพจมีเยอะแยะ แต่เราใส่เสื้อผ้าสไตล์ตัวเล็ก ๆ จีงมองว่า เสื้อคนท้องนี่มันหาซื้อยากจริง ๆ แฮะ
โชคดีที่พี่ที่รู้จักเขาเคยตัวใหญ่ ตอนนี้ฟิตหุ่น ทั้งวิ่งและปั่นจักรยาน จนผอมเพรียว ชุดเก่าจะทิ้งก็เสียดายเลยส่งต่อมาให้ผู้เขียนได้ใส่คลุมท้อง ถามว่าประหยัดได้เยอะไหม (ตอบเลยว่าบางทีเราก็อดซื้อเสื้อผ้าใหม่ไม่ได้จริง ๆ)
ในขณะเดียวกันเราก็มีชุดเสื้อผ้าตัวใหญ่ที่เคยซื้อมาแล้วหาโอกาสใส่ไม่ได้ ก็ได้หยิบออกมาใส่ คือถ้าใส่ช่วงปกติจะถูกมองว่าเยอะ! แต่พอท้องแล้วประชาชนให้อภัย ใส่อะไรก็ใส่เถอะ แต่ต้องติดเข็มกลัด ให้คนอื่นได้ระวังว่าจะชนเราด้วย
หลายคนถามว่าไม่แพ้ท้องเลยหรอ เพราะเราไม่เคยอ้วกให้ใครเห็น อาศัยมาออฟฟิศเช้า ๆ แล้ววิ่งเข้ากอดชักโครก แพ้จนอยากให้พ้น ๆ ช่วงฮอร์โมนแบบนี้เร็ว ๆ มันมีอาการน้อยใจง่าย ทำอะไรไม่สมหวังก็ปล่อยโฮแล้ว โดนสามีตำหนิด้วยถ้อยคำที่เขาคงพูดปกติแต่เราก็เสียใจ ร้องไห้ติดกัน 3 ชั่วโมง รถติดวันศุกร์ก็ร้องไห้ดุจคนใจสลาย ซึ่งภาวะปกติไม่เป็นแบบนี้แน่นอน สตรองมาก
คือช่วง 3 เดือนแรกนี้ มันอ่อนไหวไปหมด อยากกลับไปเป็นคนอารมณ์ปกติได้ และอยากจะให้อาการมันไม่มีผลก้บการทำงาน และการตัดสินใจด้านอื่น ๆ ของชีวิต เราจะสามารถประคองสติได้เมื่อกินอาหารที่ครบหลักโภชนาการ และออกกำลังกาย ผู้เขียนเดินเยอะ ๆ ใส่รองเท้ากีฬา ลุกให้บ่อย และ กินซุปไก่เสริมระหว่างมื้ออาหาร
อาการแพ้ท้องมันค่อย ๆ ดีขึ้น แต่เราต้องรักษาร่างกายให้ไม่เจ็บป่วย พอเราท้องเราจะสังเกตตัวเองทุกวัน และหาข้อมูลเผื่อไปถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ไม่ว่าจะเปลี่ยน สีหรือกลิ่นของปัสสาวะ ก็ต้องสังเกตความผิดปกติ เราจะลืมอะไรก็ได้แต่ห้ามลืมกินข้าวเช้า และระหว่างวันต้องหาของว่างมาเติมน้ำตาลในเลือด รวมถึงไม่กินของแปลก ๆ ที่อาจทำให้ท้องเสีย เพราะลำไส้อยู่ใกล้ลูกมาก เวลาปวดทองบิด ลูกจะเกร็งตัวทันที
ช่วงนี้ก็ดีใจที่มีคนลุกให้นั่งบนรถไฟฟ้าบ้างแล้ว
สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้แม่ ๆ ทุกคน ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง ต่อให้คุณคลอดแล้วก็อย่าลืมมาทำหุ่นให้เฟิร์มมัดใจสามี ตอนนี้ผู้เขียนตื่นเต้นแล้ว อีก 5 เดือนจะได้เจอแป้งหอม (ชื่อลูกสาว) นี่เพื่อนบางคนยังไม่รู้เลยว่ากำลังจะได้หลาน ชีวิตคงจะเปลี่ยนน่าดู…
1 Comment