เริ่มจากเดือน พ.ค. 65 เข้าสู่ช่วงท้ายของการเรียนซัมเมอร์ ชั้นอนุบาล 1 แป้งหอมเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใกล้บ้านค่ะ เดือนนี้คุณครูให้ส่งผลตรวจ ATK 2 รอบ คือ วันพุธและวันอาทิตย์ ในวันที่ 4 พ.ค. 65 ที่ผ่านมาก็ไม่ขึ้นขีด Positive นะคะ
ไทม์ไลน์ ลูกติดโควิด (แม่ไม่ติด)
- เสาร์ 7 พ.ค. 65 – 20.00 น. น้องบอกเจ็บคอ
- อาทิตย์ 8 พ.ค. 65 – 13.00 น. ตัวร้อนรุมๆ มีน้ำมูก จาม
- จันทร์ 9 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 1 – 02.00, 06.00 น. มีไข้ 38 องศา พาไปตรวจยืนยันที่ รพ. 11.00 น.
- อังคาร 10 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 2 – มีอาการไอเพิ่มเติมขึ้น
- อังคาร 11 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 3 – รออัพเดท
- อังคาร 12 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 4 – รออัพเดท
- อังคาร 13 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 5 – รออัพเดท
- อังคาร 14 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 6 – รออัพเดท
- อังคาร 15 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 7 – รออัพเดท
- อังคาร 16 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 8 – รออัพเดท
- อังคาร 17 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 9 – รออัพเดท
- อังคาร 18 พ.ค. 65 เข้าสู่ระบบการรักษา Day 10 – รออัพเดท
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา (2 – 6 พ.ค. 65) ก็ไปโรงเรียนทุกวัน แป้งหอมก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร จนกระทั่งคืนวันเสาร์ที่ 7 พ.ค. มีบอกแม่ว่า “เจ็บคอ” แม่ก็เอานำ้อุ่นให้กิน แล้วก็เริ่มเอะใจนิดหน่อย พอวันอาทิตย์ที่ 8 พ.ค. เริ่มมีอาการตัวอุ่นๆ มีน้ำมูก แต่ดูแยกไม่ออกระหว่างหวัด กับโควิด แม่จับตรวจ ATK อีกครั้ง ไม่ขึ้นขีด Positive ค่ะ

แต่คืนนั้นแป้งหอมมีอาการตัวรุมๆ แม่ให้กินยาลดไข้แล้ว แต่ไข้ไม่ลด อยู่ที่ 37.5 – 38 องศาเซลเซียส เช้าวันต่อมาก็เลย จับตรวจอีกรอบ ปรากฎขึ้น 2 ขีดจางๆ Positive จับล็อคทั้งน้ำลายและ แยงจมูก

จากประสบการณ์การใช้อุปกรณ์ Screen Test จางแค่ไหนก็ขึ้น 6.40 น. ก็โทรหาเพื่อนที่เพิ่งเป็นโควิดแต่หายแล้ว ว่าต้องดำเนินเรื่องอย่างไร เพื่อนก็แนะนำให้เตรียมเอกสารไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน แม่ก็บอกคนที่บ้านว่าต้องไปตรวจยืนยันแล้ว ของแม่กับของพ่อและคนอื่นๆ ตรวจไม่ขึ้น Positive ค่ะ (พิกัดชุดตรวจโควิดที่แม่ใช้ค่ะ >> Click)

ขั้นตอนการตรวจ โรงพยาบาลที่ไปเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่มีประกาศว่ารับสิทธิ์ 1) ข้าราชการ 2) ประกันสังคม และ 3) สิทธิ์บัตรทอง
ด้วยความที่แป้งหอมคลอด รพ. เอกชน ก็เลยไม่รู้ว่าสมัคร Auto ไว้แบบคลอด รพ.รัฐให้หรือเปล่า แม่รีบเอาเลขบัตรประชาชนเข้าไปเช็กสิทธิ์บัตรทองที่เว็บไซต์ สปสช. ปรากฎว่าขึ้นสิทธิ์บัตรทองที่ รพ. บางบัวทอง
เอกสารใช้เข้ารับการรักษาโควิด สปสช. สำหรับเด็ก
เด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบ ไม่มีบัตรประชาชน ต้องใช้สูติบัตรตัวจริงเท่านั้น ไม่เหมือนการหาหมอปกติที่ใช้ใบรับรองสำเนาถูกต้องบัตรประชาชนของพ่อแม่ก็หาหมอได้แล้ว ตอนแรกก็งงๆ ว่าจะใช้สิทธิ์เบิกประกันกลุ่ม แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินไปตรงไหน พอมาทำเรื่องที่ลานจอดรถ ก็ได้คิวเร็ว สะดวกมากค่ะ

ไม่ใช่ว่าทุกโรงพยาบาลเอกชนจะรับสิทธิ์นี้ จะต้องลองสอบถามกับทางโรงพยาบาลดูก่อนนะคะ ไหนๆ ก็มาแล้ว พ่อ แม่ ลูก ก็ตรวจ ATK กันให้หมดเลยค่ะ พ่อกับแม่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ลูกใช้สิทธิ์บัตรทอง เอกสารดังนี้
- ลงทะเบียนคิว
- ใบยืนยันตรวจ ATK และรับรองสิทธิ์ต่างๆ ที่ทาง รพ. เตรียมไว้ให้
- ผู้ใหญ่ใช้บัตรประชาชน เด็กใช้สูติบัตรตัวจริง
ในกรณีสูติบัตร ทางโรงพยาบาลอนุโลมให้ใช้รูปถ่ายจากมือถือได้ แต่ต้องชัด และ Print ออกมาได้ เขาจะให้ผู้ปกครองเซ็นต์สำเนาถูกต้องทันที

เมื่อตรวจ ATK แล้วก็จะทราบผลในไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่ก็จะชี้แจงว่าให้เตรียมตัวอย่างไรบ้าง ถ้าต้องการเข้ารักษาด้วยระบบของโรงพยาบาล ก็ติดต่อกับทางโรงพยาบาลได้ ส่วนใหญ่จะสำรองห้องไว้ให้ผู้ป่วยที่มีอาการสีเหลือง หรือสีแดง ส่วนคนที่มีอาการสีเขียวนั้นจะแนะนำให้ทำ Home Isolation มากกว่าค่ะ

มาตรวจกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก ปรากฎว่าแป้งหอมติดคนเดียว เราก็นับย้อนกันไปว่า 3-5 วันที่แล้วเราไปไหนกัน แป้งหอมอยู่แต่บ้านไม่ได้พาออกไปไหนนอกจากโรงเรียน ก็เลยโทรแจ้งกับเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันในหมู่บ้านเดียวกัน กับเพื่อนที่นั่งข้างๆ กัน ปรากฎว่าทุกคนมีอาการน้ำมูก ส่วนไข้อ่อนๆ กับเจ็บคอบางคนก็เป็น แต่ตรวจ ATK น้ำลายไม่ขึ้น
แม่โทรบอกครูไว้ตั้งแต่ก่อน 7.00 น. ของเช้าวันที่ 9 พ.ค. เผื่อว่าครูจะแจ้งผู้ปกครองเรียกให้มารับเด็กกลับ เมื่อผลออกก็ยืนยันกับครูประมาณใกล้ๆ เที่ยง หลังจากนั้นแม่ก็ไม่ได้เช็กไลน์ว่าทางโรงเรียนมีมาตรการอย่างไรต่อ รอรับยา 1 ชั่วโมง

รอรับเอกสาร รอรับยา ทางโรงพยาบาลจะให้แอดไลน์ เพื่อรายงานสุขภาพประจำวัน โดยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนชื่อไลน์เป็นชื่อสกุลจริง หลังจากนั้นก็ถ่ายภาพส่งรายงาน จะมีคุณพยาบาลโทรมาสอบถามอาการทุกวัน

นอกจากนี้ยังมีค่าอาหารให้วันละ 300 บาท โดยเป็นโค้ดส่วนลดจาก LINEMAN ที่จะส่งมาให้ตลอดระยะเวลาที่กักตัว 9 วัน ตั้งแต่ 9.00 – 10.00 น. แม่ได้โค้ดนี้มาตอน 8.30 น. ของวันถัดไปค่ะ

หลังจากนั้นประมาณ 3 ชั่วโมงแต่ภายในวันนั้น ต้องรอรับโทรศัพท์จะมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลแผนก Home Isolation โทรมาติดตามอาการและอธิบายวิธีใช้งานแอปติดตามอาการใน LINE ก็ทำตามที่เจ้าหน้าที่บอกได้เลยค่ะ ด้วยการใส่ Username, Password ตามด้วยอาการแต่ละวัน ต้องอัพรูปถ่ายหลักฐานที่ได้ ทั้งเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์วัดไข้ วัดค่าออกซิเจนในเลือด เพื่อส่งให้กับเจ้าหน้าที่ติดตามอาการ รวมถึงส่งภาพเอกสารยืนยันตัวตน ผู้ใหญ่ใช้บัตรประชาชน เด็กใช้สูติบัตร

ในส่วนของยาที่สำคัญที่สุดในเซ็ตนี้ คือ “ฟาวิพิราเวียร์” ได้ยินมาว่าของเด็กบางคนได้เป็นยาน้ำ แต่ของแป้งได้เป็นยาเม็ดค่ะ โชคดีของแม่ที่แป้งไม่มีปัญหากับการกินยาเม็ด กลืนก็ได้เคี้ยวก็ได้ เขาจะเรียนรู้วิธีกินยา ขอบคุณแป้งหอมที่เป็นเด็กกินยาง่าย หนูจะได้หายไวๆ นะลูก

ในส่วนของการแยกกั้นที่อยู่ในบ้าน มีผู้ใหญ่ 3 คนที่ไม่ติด ใช้ห้องน้ำคนละห้อง นอนคนละที่ แม่ต้นหอมจำเป็นต้องนอนดูแลลูก ส่วนตัวคิดว่าเราพอระมัดระวังตัวกับเชื้อโรคได้ กับดูแลตัวเองได้ และน้องอาการไม่หนักเลือก Home Isolation จะสะดวกกับทุกคนในครอบครัวมากกว่าไป Hospitel ค่ะ


สรุปนะคะ เมื่อลูกมีอาการ + ยืนยันว่าสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน อย่านิ่งนอนใจ จับแยงจมูก ATK ค่ะ
a. เช็กสิทธิ์ประกัน สิทธิ์ สปสช.และสิทธิ์รักษาอื่นๆ ของทุกคนในบ้ายน
b. เตรียมเอกสารของทุกคนในบ้านไว้ให้พร้อมหยิบ
c. เตรียมแผนแยกห้อง แยกรักษา แยกดูแล
ทำอย่างไรดีเมื่อลูกติดโควิด-19

1. ตั้งสติค่ะ อันนี้สำคัญมาก
2. เตรียมเอกสาร สูติบัตรตัวจริง หรือ ถ่ายสำเนาส่งเข้าอีเมลตัวเอง (ทำยังไงก็ได้ให้เปิดง่าย ส่ง LINE ให้เจ้าหน้าที่ Print ง่ายๆ)
3. เดินทางไปยัง รพ. ที่รับสิทธิ์รักษา
4. แจ้งครูที่โรงเรียนไว้ก่อน เพื่อการป้องกันคนอื่นๆ ตามมาตรการของโรงเรียน
5. กรอกเอกสารต่างๆ ให้ครบถ้วน สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ให้เข้าใจ
6. ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการรักษาแบบไหน
6.1) แอดมิด 6.2) Hospitel และ 6.3) Home Isolation / Community Isolation
7. ตรวจสอบยาและเวชภัณฑ์ที่ได้มาให้ครบ ได้แก่
7.1) ยาฟาวิฯ ว่าต้องกินกี่วัน กี่เม็ด กี่โมง 7.2) เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ 7.3) เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ทดสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้มาก่อนกลับนะคะ ถ้าใช้ไม่ได้ก็ขอเปลี่ยนเดี๋ยวนั้นเลย
**ย้ำว่า 3 ข้อนี้ สำคัญมากสำหรับทุกคนค่ะ ส่วนยาอื่นๆ ที่เป็นยาตามอาการ จะได้ตอนนั้นเลย หรือได้ภายหลังที่คุณหมอ Call หานะคะ
Home Isolation เด็กเล็ก
ก่อนอื่นต้องแยกคนที่ยังไม่เป็น และคนที่เป็นแล้วออกจากกันค่ะ โดยคนที่เป็นแล้วให้อยู่ด้วยกัน ใช้ห้องน้ำด้วยกัน แยกสิ่งของจากคนที่ยังไม่ติด หลังจากนั้นวางแผนสำรองค่ะ ว่าถ้ามีคนติดเพิ่ม ใครจะเป็นคนพาไป รพ. และจะให้ใครเป็นคนส่งของใช้จำเป็นให้ ส่วนบ้านที่เด็กเล็กเป็นก็ต้องวางแผนจัดคนที่จะมาดูแลเด็กค่ะ

1. แยกห้องนอน แยกห้องน้ำ แยกของใช้
2. เตรียมของใช้จำเป็น วางไว้ในที่หยิบง่าย
2.1) ยา
2.2) กระดาษทิชชู่ ทิชชู่เปียก ถังขยะ
2.3) แก้วน้ำ
2.4) สเปรย์แอลกอฮอล์
2.5) อื่นๆ
3. แยกกันรับประทานอาหารทุกคน หรือ แยกพื้นที่กินข้าวคนที่เป็นแล้ว กับยังไม่ได้เป็น
4. เตรียมถังขยะที่เทน้ำยาฆ่าเชื้อโรคไว้ 1 ฝา ป้องกันเชื้อระเหย (เวลาทิ้งก็ผูกถุงให้เรียบร้อย)
5. ส่งรายงานประจำวัน ให้ตรง เปิดมือถือรอรับสายหมอหรือพยาบาลที่จะโทรมาติดตามอาการ


เตรียมของใช้วางไว้ในที่ที่หยิบง่ายๆ นะคะ โดยเฉพาะเทอร์โมมิเตอร์ที่ใช้บ่อยๆ แยกโซนเดิน ตั้งไม้ถูพื้นที่เทน้ำยาฆ่าเชื้อโรคไว้เตรียมถูบริเวณเสี่ยงสัมผัสค่ะ
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการติดเชื้อของลูกคือ 1. ถ้าเราชัวร์ว่าเป็นโควิด ต้องรีบพาลูกเข้าสู่ระบบการรักษาให้เร็วที่สุดค่ะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อของคนอื่นๆ 2. ที่ตรวจ ATK แบบน้ำลาย โอกาสผิดพลาดสูงมากๆ คนดูแลเด็กต้องใจกล้าๆ แหย่จมูกค่ะ ลึก 2.5 เซ็นขึ้นไป นับจากปลายจมูกก็ได้ ถ้าให้ชัวร์ มองที่ปลายไม้ว่าจะมีของเหลวเยิ้มๆ ลูกร้องหน่อยแต่ต้องอดทนค่ะ
พิกัด ชุดตรวจโควิด
อ่านเพิ่มเติม :
- แพ็คเกจค่าคลอด 50 รพ. ทั้งรัฐและเอกชนในกรุงเทพและปริมณฑล 2564
- ลูก 1 ขวบแล้วไม่ยอมเดิน ผิดปกติหรือเปล่า ?
- ปากมดลูกเปิดแต่ละเซ็นแปลว่าอะไร?
- ค่าใช้จ่ายของวัคซีนจำเป็นและวัคซีนเสริมสำหรับทารก
- แชร์ประสบการณ์หลังคลอด 1 เดือน กับลูกสาวผู้ตื่นกินวันละ 12 มื้อ++
tag : ลูกติดโควิด,ดูแลเด็กติดโควิด,ติดโควิด,เด็กติดโควิด,แนวทาง Home isolation,ยาเด็กติดโควิด, Home Isolation,ลูกติดโควิด,เด็กติดโควิดกินยาอะไร,ลูกติดโควิด อาการ,ลูกติดโควิด แม่ไม่ติด,ลูกติดโควิด กี่วันหาย, ลูกติดโควิดไข้สูง