ความขัดแย้งที่แสนน่ากลัวระหว่างคน Gen เก่า กับคน Gen ใหม่ เมื่อต้องเลี้ยงเด็ก
จะแน่ใจได้อย่างไรว่าการเลี้ยงลูกแบบไหนจะทำให้ลูกป่วย หรือ เติบโตได้สมวัย หากให้คนรุ่นก่อนช่วยเลี้ยงแล้วเขาพูดว่าก็เลี้ยงกันมาแบบนี้ อยู่กันรอด.. บางเรื่องเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับการแพทย์สมัยใหม่ที่บอกว่าเด็กจะเริ่มย่อยได้เมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป แต่คุณย่า คุณยายก็ยังจะป้อนกล้วยให้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 เดือน เรื่องความเชื่อนี้บางคนเจอกับตัว มีคุณแม่มาแชร์ไว้ในกลุ่ม HerKids รวมพลคนเห่อลูก มาดูกันว่า มีความเชื่ออะไรบ้างที่ฟังแล้วอดกลัวไม่ได้จริง ๆ
1 เด็กแรกเกิดให้ดื่มน้ำ
การแพทย์สมัยใหม่ คุณหมอจะบอกว่าไม่ควรให้เด็กดื่มน้ำในช่วง 6 เดือนแรก เพราะจะไปเบียดบังสารอาหารที่เด็กจะได้รับจากน้ำนม ซึ่งความจริงจะป้อนน้ำจากขวดนมก็ได้ แต่ไม่ใช่กับทุกมื้อ หรือทุกวัน อาจจะให้แค่จิบ ๆ ในวันที่อากาศร้อนมาก แต่ก็ไม่ควรป้อนน้ำเย็น หรือ น้ำหวานใด ๆ เพราะน้ำตาลสังเคราะห์จะทำให้ร่างกายของเด็กสับสนกับน้ำนมแม่
2 เด็กลิ้นขาว ให้คนแก่ เอาผ้าขาวกวาดลิ้น
จะมั่นใจได้อย่างไรว่านิ้วมือคนแก่จะสะอาด? จะมีจุลินทรีย์ E.coli / S.Lactobasillius อยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำไมต้องใช้นิ้วคนแก่? นิ้วแม่ก็ได้ ผ้าที่ใช้ก็ควรเป็นผ้าสะอาดทั่วไป เป็นอนามัยเบื้องต้นที่จะให้ใครทำก็ได้อยู่แล้ว คนแก่หรือคุณแม่วัยสาวใครจะทำก็ได้ ไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้น
3 ห้ามอาบน้ำกาละมังถ้าสะดือยังไม่หลุด
ถ้าเป็นเมื่อยุค 300 ปีก่อนก็ไม่ควรจะทำอย่างนั้น เพราะยังไม่มีน้ำยาฆ่าเชื้อโรคหรือแป้งเด็ก รวมถึงเทคโนโลยีอย่างน้ำเกลือที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว คุณหมอให้ใช้สิ่งเหล่านี้เช็ดสะดือเด็กด้วยผ้าก๊อซสะอาด ๆ คือหากเด็กอาบน้ำกาละมังทั่วไปที่บ้านก็ไม่อาจแน่ใจว่าในน้ำมีเชื้อโรคไปขังติดสะดือในภายหลังหรือเปล่า แต่ถ้าแม่เช็ดทำความสะอาด ทำให้แห้ง ก็ปลอดภัยจ้า
4 เอาผ้าอ้อมดัดขาแล้วห่อตัวไว้
เด็กแรกเกิด กระดูกขาบิดเบี้ยวแทบทุกคน แต่การได้เล่น ได้คลาน ได้ออกกำลังช่วง 6 เดือนขึ้นไป อวัยวะต่าง ๆ จะเข้ารูปจากการใช้งานได้เองตามธรรมชาติ ปล่อยให้กระดูกได้แข็งตามการใช้งาน อย่าไปดัดตามความคิดที่ว่าสวย ถ้าจำเป็นต้องดัดจริง ๆ ต้องให้หมอดัดกระดูกเด็กเป็นผู้พิจารณา ไม่อย่างนั้นจะส่งผลเสียไปยันโต
5 คลอดแล้วแม่ห้ามสระผมอาบน้ำ 1 เดือน ไม่อย่าง่นั้นจะหนาวใน
โรงพยาบาลที่ผู้เขียนฝากครรภ์ คุณหมอบอกตั้งแต่แรกเลยว่าสระได้ และมีบริการสระผมในโรงพยาบาลให้ด้วย ครั้งละ 500 บาท พร้อมบริการเป่าแห้ง คือเมื่อ 70 กว่าปีก่อนอาจจะยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ไดร์เป่าผม” การปล่อยให้ผมแห้งเองโดยเฉพาะแม่ที่คลอดฤดูหนาวอาจจะส่งผลให้แม่ ๆ เกิดอาการหนาวในกระดูกได้จริง แต่เดี๋ยวนี้มีวิธีทำให้ผมแห้งใน 3 นาที
6 เอาข้าวเหนียวใส่มือให้เด็กทารกอมเล่น
อันนี้อันตรายมาก ข้าวเหนียวมีโอกาสหลุดเป็นก้อนติดคอ ปิดหลอดลม.. เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ 2 นาที ก็อาจเสียชีวิตได้ .. อันตรายมาก ๆ
7 ป้อนอาหารเสริมรสหวานให้เด็ก 6 เดือน
แม้ว่าเด็ก 5 เดือนจะเริ่มกลืนได้ และ 6 เดือน เริ่มย่อยได้ แต่ถ้าเอาง่ายป้อนเป็นอาหารเสริม ขุนให้เด็กอ้วน เด็กจะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานเร็วขึ้น อย่าคิดว่าโรคเบาหวานต้องเป็นในคนแก่อายุ 50 ปีขึ้นไป เบาหวานมี 3 แบบ เกิดในเด็กก็มี
8 ห้ามเอาเท้าลูกมาเล่นกับหน้า เดี๋ยวเด็กจะเนรคุณ
ข้อนี้คือคนไทยจะนับถือศีรษะ และใบหน้าเป็นศรีแก่ตัว ข้อนี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ชอบเอาเท้าเด็กมาลูบหน้า เอามาอมเล่น T T
9 ห้ามเอาผ้าอ้อมมาใกล้หัวลูก เดี่ยวผ้าอ้อมจะกัดผม
ข้อนี้ถ้าเป็นผ้าอ้อมสะอาด ไม่ผ่านการซักด้วยน้ำยาเคมี หรือไม่เคยใช้ซับฉี่กับน้ำลายก็อาจจะใช้รองศีรษะได้ แต่เลือกใช้ผ้าอื่นจะดีกว่า ผ้าซับน้ำลายเด็ก มีน้ำย่อย ซึ่งอาจจะมีผลต่อผิวหนังของเด็กได้จริง แต่จะกัดผมจนหัวแหว่งเลยหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับความสะอาดของที่นอนด้วย
10 ซักผ้าของลูกห้ามบิด เพราะจะทำให้เด็กบิดจนหน้าดำหน้าแดง
ข้อนี้ถ้ามองตามตรงอาจจะดูไม่เกี่ยวเท่าไหร่ แต่ขณะตากเมื่อเปรียบเทียบระหว่างถ้าสะบัดแล้วปล่อยแห้ง กับเอามือบิด อย่างแรกจะปลอดภัยกว่า เนื่องจากตอนตากผ้า มือแม่อาจจะไม่สะอาด เมื่อบิดผ้าแล้วผิวหนังแม่ถูกกับผิวหน้าของผ้ามากกว่า ในมือของเรามีจุลินทรีย์ธรรมชาติกันอยู่แล้ว เด็กแรกเกิดผิวเกิดใหม่อาจจะยังแพ้จุลินทรีย์พวกนี้ เมื่อเข้าปากก็อาจจะท้องเสียได้
11 ห้ามเอาเด็กทารกมาส่องกระจก เดี๋ยวฟันจะไม่ขึ้น
ข้อนี้ไม่จริงเลย กระดูกฟันสร้างมาตั้งแต่ใจท้องแล้ว ฟันจะขึ้นไม่ขึ้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเด็กคันเหงือกเมื่อไหร่ ถ้าเด็กคันเหงือกแล้ว คุณแม่ควรให้น้องกัดผลไม้หั่นชิ้นใหญ่ ๆ ให้กัดไม่ขาดดีที่สุด ป้องกันผลไม้หลุดเป็นชิ้นเล็กติดคอ
น่าจะมีอีกหลายข้อที่เป็นความเชื่อของคุณแม่รุ่นก่อน ถ้าผู้เขียนเจออีกจะนำมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
ด้วยความปรารถนาดีจากว่าที่คุณแม่มือใหม่ ♥
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่ >> สารบัญ Siwika Maternity <<
หรือพูดคุยกันได้ทาง Facebook.com/tonhomsiwika นะคะ
2 Comments