การตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก แล้วต้องแพ้ท้อง นี่มันทำให้ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งนี่ลำบากมากทีเดียว สำหรับผู้เขียนช่วงแรกมันเหนื่อยมาก นั่งแท็กซี่ไปถึงออฟฟิศก่อนใครเพื่อน แล้วต้องรีบวิ่งหาชักโครกเพื่ออ้วก แล้วอ้วกก็ออกมาเป็นน้ำดีสีเขียว ๆ แสบลำคอ ลำบากหาวิธีตั้งนานว่าทำยังไงถึงจะบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้ อาการแพ้ท้องในแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน และมีระยะเวลายาวนานที่ไม่เหมือนกัน ก็เป็นธรรมดาที่จะทำให้สาว ๆ รู้สึกท้อแท้อยากเปลี่ยนงาน
ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า หากเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร และเป็นงานประจำที่ไม่ใช่ Part Time การรับพนักงานที่กำลังตั้งครรภ์เข้าทำงานนั้น เป็นไปได้ยากมาก ๆ หากเรียกสัมภาษณ์แล้วคุณไม่ได้แจ้งกับพนักงานสรรหาทรัพยากรบุคคลทางโทรศัพท์ เมื่อไปถึงที่แล้ว ทางหัวหน้างานก็จะรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเมื่อต้องสัมภาษณ์คนตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่ใช่ทุกที่ที่เป็นแบบนั้น โอกาสน้อยมาก ๆ ที่จะเจอบริษัทที่เปิดใจ
จากประสบการณ์คนใกล้ตัว การเปลี่ยนงานตอนท้อง มีปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ดังนี้
- ต้องย้ายที่อยู่อาศัย
- ต้องการรายได้ที่เพิ่มขึ้น
- ต้องการเวลามากขึ้น
- งานที่ทำอยู่เดิม ไม่มีความก้าวหน้า
- งานที่ทำอยู่เดิม ต้องเดิน หรือ ยืนเยอะ
- งานที่ทำอยู่เดิม เกี่ยวข้องกับสารเคมี และกัมมันตรังสี
- และเหตุผลอื่น ๆ
ซึ่งในกรุงเทพ การเป็นพนักงานออฟฟิศแล้วต้องการเปลี่ยนงานตอนท้องนั้นไม่ง่ายเลย เพราะเหตุผลดังนี้
- งานหลายตำแหน่งมี KPI ที่สูง ต้องใช้เวลากับงานมาก
- งานที่เริ่ม 9.00 – 18.00 น. หรือ 10.00 – 19.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้เส้นทางเดินทางร่วมกับคนเยอะ ๆ คนท้องขึ้นรถไฟฟ้าหรือขับรถก็จะเหนื่อยมาก ๆ
- อาหารการกินในกรุงเทพ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาทำกับข้าวเองนั้น มีตัวเลือกน้อยมาก ไม่เหมาะเป็นอาหารบำรุงครรภ์
- สังคมการทำงานมักกดดัน
- งานที่ต้องออกไปพบลูกค้านั้นไม่เหมาะกับคนท้องอยู่แล้ว ด้วยเหตุผลหลายประการ
เป็นเรื่องพูดยากว่าถ้าได้เปลี่ยนงานตอนท้อง ทางบริษัทใหม่จะรับคุณไหม? แต่ ณ ปัจจุบันตามโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเป็นไปได้ยากมาก อาจจะมีแต่น้อย และต่อให้ได้งานที่ใหม่ก็มีเรื่องของบรรยากาศการทำงานเข้ามาอีก
เปลี่ยนงาน ตอนท้อง จะมีบริษัทรับไหม?
สำหรับผู้หญิงบางท่านในหัวไม่มีเรื่อง “เปลี่ยนงาน” เข้ามาในชีวิตเลย มีบ้างที่คิดว่า ไม่ทำงานดีไหม อยู่บ้านนั่งเฉย ๆ ให้หายแพ้ท้องไปก่อนแล้วค่อยคิด แต่หลังจากเห็นผู้หญิงหลายคนที่เคยมีเงินเดือนสูง ๆ แล้วกลับไปอยู่บ้านเลี้ยงลูกเฉย ๆ ปรากฎกว่า Skill การทำงานหลายอย่างลดลง และเมื่อกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานออฟฟิศแล้ว ประสบการณ์จะช้ากว่าคนอื่นมาก และยังมีผู้หญิงหลายคนที่ผ่านช่วงท้องและมีลูกไป ทำงานไปก็ได้ และผู้เขียนก็ตั้งใจว่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มหลังนั้น เหตุผลที่คนท้องอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนงานได้ในช่วงตั้งครรภ์ คือ
- จะมีที่ไหนที่รับคนท้องเข้าทำงาน ถึง “มี” ก็ยาก
- ร่างกายคนท้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ไปปรับตัวใหม่ อาจจะ “ยาก”
เพียงแค่ 2 เหตุผลนี้ก็น่าจะทำให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ท่านอื่น ๆ ได้ตัดสินใจได้ หนึ่ง คือ คุณจะต้องไปเริ่มต้นเข้าองค์กรใหม่ และอีกไม่กี่เดือน คุณต้องลางาน 3 เดือน ทางบริษัทใหม่จะขาดคนทำงานไป 3 เดือนแล้วต้องจ่ายเงินเดือนฟรี ๆ 1.5 เดือน คิดว่า ถ้าเขามีตัวเลือกมากกว่านี้เขาคงจะเลือกอีกคนมากกว่า สอง จะมั่นใจได้อย่างไรว่าองค์กรใหม่จะดีอย่างที่คิด เพราะไหนจะเรื่องคน เรื่องการเดินทาง ต้องปรับตัวหลายอย่าง ซึ่งตอนนี้ร่างกายคุณเองต้องปรับตัวกับเรื่องอาการแพ้ท้องใหม่ ๆ ที่มีมาไม่เหมือนกันในแต่ละวันอยู่แล้ว และความเครียด + กังวล จากการคาดหวังเรื่องสุขภาพลูก ก็อาจทำให้คุณเป็นคนท้องที่ยิ่งกังวลหนักไปกันใหญ่
คนท้องหางานยากจริงไหม?
ต้องยอมรับอย่างโลกไม่สวย ว่าการหางานตอนท้อง หรือเปลี่ยนงานตอนท้องนั้นมีปัญหาอย่างยิ่ง ผู้หญิง แตกต่างกับผู้ชายตรงเรื่องที่เราไม่ต้องเกณฑ์ทหาร แต่เราอาจท้องเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วยิ่งเป็นคนที่เพิ่งท้องตอนได้งานนี่จะลำบากมาก ๆ อาจจะมีผลต่ออารมณ์ทำให้ทำงานออกมาได้ไม่ดี แล้วหากไม่ผ่านงานตอนช่วงโปรฯ นั้น (อาจเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการท้อง) ก็จะทำให้อารมณ์แย่หนัก และในส่วนกฎหมายแรงงาน หากงานของคุณอันตราย อย่างเช่น ต้องทำงานเกี่ยวกับรังสี – สารเคมี ที่อาจมีผลต่อลูกในครรภ์ ก็สามารถขอเปลี่ยนงานได้จนกว่าจะคลอด หรือยาวไปถึงหลังคลอด ขึ้นอยู่กับที่ทำงานกำหนด
แต่คนท้องไม่ใช่คนป่วย..
คนท้องไม่ใช่คนป่วย ไม่ใช่ผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งคนที่กำลังจะเป็นแม่คน หรือเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง ลูกสองแล้ว ยิ่งเป็นคนที่มีความรับผิดชอบในชีวิตมากขึ้น เพราะ Skill การปกป้องนั้นจะสูง และมีความรอบคอบ มีการตัดสินใจที่เป็นเหตุเป็นผล ซึ่งหากเป็นองค์กรที่ต้องการพนักงานอยู่ในระยะยาว ที่ไม่อยาก Turn Over บ่อย ๆ ตัวพนักงานที่เป็นคุณแม่นั้น ถือเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าและตอบโจทย์
อย่างไรก็ดี หากคุณไปสัมภาษณ์งานใหม่แล้วเจอกับคนที่ไม่เข้าใจจุดนี้ ก็อย่าเก็บมาใส่ใจ เราแก้ Mind Set คนอื่นไม่ได้ หากเจ้านายที่สัมภาษณ์ไม่เคยผ่านการมีลูก หรือไม่เคยผ่านการมีครอบครัว เขาก็จะไม่เข้าใจจริง ๆ ซึ่งก็ไม่ควรไปโทษเขา สู้เอาเวลาไปหาที่ใหม่ที่เหมาะสมกับคุณมากกว่าดีกว่าค่ะ
เป็นกำลังใจให้กับคุณแม่ที่กำลังหางานใหม่ทุกคนนะคะ ♥
อ่านเพิ่มเติม :