ลูก 1 ขวบแล้วไม่ยอมเดิน ผิดปกติหรือเปล่า ?

เด็กหนึ่งขวบควรเดินได้แล้ว ตามพัฒนาการตามวัยของเขาถ้าไม่เดินควรรีบพาไปพบแพทย์ด้านพัฒนาการเพื่อส่งประเมินพฤติกรรมต่อไป ค่าใช้จ่ายหาหมอประมาณ 1,600 – 2,000 บาท ค่าฝึกพัฒนาการ ครั้งละ 900 บาท โดยประมาณ (ในโรงพยาบาลเอกชน)

สวัสดีค่ะ ขอโทษที่มาอัพเดทเว็บช้ามาก ๆ นะคะ ติดงานและติดอะไรหลาย ๆ อย่าง วันนี้ต้นกลับมาพร้อมกับเรื่องราวพัฒนาการของน้องแป้งหอม ที่ตอนนี้วัย 1 ขวบ 4 เดือนแล้ว แต่ขอย้อนเล่าไปตอน 1 ขวบเป๊ะ ๆ ก่อน

โรงพยาบาลที่ต้นคลอดแป้งหอมนี้ ตอนปีที่คลอดต้นได้แพ็คเกจฉีดวัคซีนถึง 2 ขวบด้วย (แต่ตอนนี้จะไม่มีแล้ว) ถ้าคุณมาอ่านเจอแล้วอยากให้มีต้องอ้อนโรงพยาบาลให้เปิดแพ็คเกจอีก ตอนนั้นต้นไม่รู้ว่าแพ็คเกจนี้ได้รับการตรวจพัฒนาการฟรีกับหมอพัฒนาการด้วย 1 ครั้ง

ขอ Hide ชื่อหมอทุกท่านไว้นะคะ เพราะไม่ได้จะมาโฆษณา ตอนแรกไม่คิดว่าลูกจะต้องหาหมอพัฒนาการ เพราะผู้ใหญ่แถวบ้านจะบอกเสมอว่า เด็กแต่ละคนช้าเร็วไม่เท่ากัน เด็กผู้หญิงจะเดินช้ากว่าเด็กผู้ชาย

 

ด้วยความที่เรามีลูกคนแรกก็คิดว่าการฟังผู้ใหญ่ก็น่าจะทำให้สบายใน พอลูกวัย 9 เดือน วัยนี้ต้องเกาะยืนได้แล้วแต่ก็ยังทำไม่ได้ ไปฉีดวัคซีนปกติตามนัด กุมารแพทย์แนะนำว่า ลูกควรไปพบหมอพัฒนาการสักครั้งได้แล้ว เพราะเด็กจะช้าไปกว่านี้

 

 

คุณหมอ (กุมารแพทย์คนที่ฉีดวัคซีนให้น้อง) พูดไปถึงว่า..

การช้านี้ไม่รู้เป็นที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ หรือเป็นที่ตัวเด็ก ต้องให้คุณหมอพัฒนาการเช็ก

ถ้าเป็นที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ จะส่งผลให้ทุก ๆ อย่างช้าไปหมด ทั้งการเดิน การทรงตัว การวิ่งในช่วงวัยอนุบาล

พอกล้ามเนื้อมัดใหญ่ช้าจะส่งผลต่อการพูดการกลืน ทำให้ร่างกายเติบโตช้าไปด้วย

..

…

 

เป็นคุณฟังตามนี้เครียดไหมล่ะคะ ?

แป้งหอมไม่คลานค่ะ วางตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น

ต้นกล้าบอกเลยว่าเรื่องนี้ทำต้นเครียดไป 2 เดือน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจร่วมกันกับแฟนว่า ค่าหาหมอต่อครั้งเรายังพอจ่ายกันได้อยู่ ก็ไปหาเพื่อความสบายใจ

 

---

ขอเล่าข้ามตอนมาเจอคุณหมอพัฒนาการการเลยนะคะ

ก่อนจะเจอคุณหมอพัฒนาการ ทางโรงพยาบาลจะให้ไปเช็คกับนักพัฒนาการก่อน 1 ชั่วโมง โดยเขาจะสอนท่าทางฝึกให้ลูกนั่งยอง และตั้งคลาน พอใช้เวลาร่วมกับนักพัฒนาการโรงพยาบาล 1 ชั่วโมง ครูเขาก็แนะนำว่าควรพบคุณหมอด่วนค่ะ

คุณครูให้ฝึกท่าตั้งคลาน ด้วยการนั่งยอง และหาอุปกรณ์มาเกาะ ให้คุณแม่ไปฝึกที่บ้าน และ ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ – 1 เดือน ตามคิวคุณหมอ ซึ่งคุณหมอพัฒนาการของแต่ละโรงพยาบาลคิวเยอะมาก ถ้าไม่ได้นัดก็คงไม่ได้พบ วันนั้นคุณแม่พาน้องไปลำพัง ต้องบอกว่าเป็น 1 ชั่วโมงที่มีค่ามาก

คุณหมอประเมินด้วยการทำการทดสอบน้อง

1. การนั่ง
2. การพูด
3. การสบตา
4. การเคลื่อนไหว
5. ทักษะสัมพันธ์

โดยตอนเข้าไปก็จะให้น้องผ่อนคลายทำความรู้จักกับคุณหมอก่อน ซึ่งไม่ยากเลยสำหรับแป้งหอม แต่วันนั้นสิ่งที่ทำให้คุณแม่และคุณหมอทึ่งก็คือ แบบทดสอบเรื่องการพูด วัยนี้ควรพูด 1. เรียกสรรพนามบุรุษที่ 2 คือ พ่อ แม่ ชื่อสัตว์เลี้ยง 2. ใช้คำที่แสดงออกว่าตัวเองต้องการอะไร 3. เลียนเสียง ซึ่งแป้งหอมทำได้ดี พูดได้หลายคำมาก

คิดดูว่า เด็ก 1 ขวบ หยิบตลับแป้งแม่มาแต่งหน้าได้ ทาลิปก็ได้ เจอหน้าแม่ชมว่า แม่สวย แม่ออกจากบ้านบอกว่าแม่ไปแล้วมาใหม่นะ ..

 

แต่การเคลื่อนไหวของน้องเรื่องเกาะยืน และอื่น ๆ ยังช้าอยู่ คุณหมอเขียนใบส่งตัวเพื่อให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน และคุณหมอก็ยกหูโทรให้เลยค่ะ

แล้วค่อยมาดูกันอีกทีว่าน้องทำได้ผ่านตามเกณฑ์หรือเปล่า ถ้าไม่ผ่านจะเป็นเรื่องใหญ่

---

แป้งหอมมาฝึกกับนักพัฒนาการโรงพยาบาลเแถวบ้านอีก 3 ครั้ง เว้นครั้งละ 2 สัปดาห์

ซึ่งเรื่องที่ฝึกก็เป็นเรื่องง่าย ๆ ได้แก่

• ฝึกปีนป่าย
• ฝึกเกาะยืนให้นานขึ้น
• ฝึกเดินไปด้านข้าง
• ฝึกตั้งคลาน

 

ซึ่งสุดท้ายแล้วเวลาเราพาลูกมาหานักพัฒนาการ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ก็จะมีคำถามว่ามันจะได้ผลหรอ จากประสบการณ์ของครอบครัวเรา คือ ได้ผล และทำให้เราเข้าใจเด็กมากขึ้นด้วย โดยคุณหมอให้คำแนะนำว่า

เด็กแต่ละคนก็มีเรื่องที่ช้าและเร็วไม่เหมือนกัน และจะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถส่งเสริมพรสวรรค์ที่เขามี ไม่ให้สูญหายไป โดยต้องสังเกตพฤติกรรม เพราะอาจจะแสดงออกมาให้เห็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

ของแบบนี้ถ้าไม่ส่งเสริมก็จะหายไป

 

เมื่อกลับมา Follow ที่โรงพยาบาลเดิมกับคุณหมอคนเดิม ก็พบว่า น้องมีพัฒนาการดีเท่ากับวัยแล้ว แต่สิ่งที่ผิดแผกไปจากวัยคือ ความสามารถในการพูดและการแสดงออกทาง Social บางอย่างที่เกินวัยไป 3 เดือน รวมถึง IQ ที่ไปไกลกว่าวัย 3 เดือน ซึ่งเราก็ไม่เคยรู้มาก่อน รู้แต่ว่าน้องทำอะไรแปลก ๆ อย่างที่เราไม่เคยเห็นเด็กคนอื่นทำ เช่น

• พูดชัดมาก เลยวัยอ้อแอ้แล้วพูดชัดเลย
• จับปากกาดินสอและช้อนได้ โดยทุกครั้งจะหันทิศทางหัวหางได้ไม่ผิดเลย
• เต๊าะลิ้นทำปากได้เหมือนกับผู้ใหญ่

 

สรุปแล้ว การที่ลูกวัย 1 ขวบไม่เดินนั้นผิดปกติหรือเปล่า ? คุณควรพาลูกไปพบแพทย์พัฒนาการเพื่อประเมินสักครั้งหนึ่งนะคะ ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 2,000 บาท (โรงพยาบาลเอกชน) และตามโรงพยาบาลศูนย์ใหญ่ ๆ น่าจะมีบริการ ลองโทรสอบถามกับทางโรงพยาบาลก่อนค่ะ และอย่าคิดเองเออเองว่า “ลูกฉันไม่เป็นไรหรอก” หรือแม้การฟังคนที่เลี้ยงเด็กมาแล้วหลาย ๆ คน คือฟังได้ เป็นแนวทางได้ แต่ก่อนตัดสินใจเพื่อลูกนั้นขอให้ตัดสินใจร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ เพื่ออนาคตจะได้ไม่ร้องไห้กับสิ่งที่เชื่อคนอื่นมาค่ะ